คำแนะนำทั่วไป ผู้ป่วยเบาหวานสามารถทานผลไม้ได้ แต่ควรเลือกชนิดที่มีน้ำตาลต่ำและกากใยสูง เพื่อช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาล ควบคุมปริมาณการทานในแต่ละวัน เพื่อรักษาระดับน้ำตาลในเลือด ……………………………………………………………………..ผลไม้ที่แนะนำ ฝรั่ง น้ำตาลต่ำ มีวิตามินซีสูง ปริมาณที่แนะนำ: ครึ่งผลถึง 1 ผลต่อวัน แอปเปิ้ลเขียว มีเพคตินช่วยลดน้ำตาลและไขมันในเลือด ปริมาณที่แนะนำ: 1 ผลต่อมื้อ แก้วมังกร […]
คาร์โบไฮเดรต (1/4 ของจาน) เลือกคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน: ข้าวไม่ขัดสี, ข้าวโอ๊ต, ขนมปังโฮลวีท ทานผลไม้รสไม่หวานจัด เช่น ฝรั่ง แอปเปิ้ล หลีกเลี่ยงคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว เช่น เค้ก คุกกี้ น้ำหวาน น้ำอัดลม โปรตีน (1/4 ของจาน)
1. ลดความหวานแบบค่อยเป็นค่อยไป– ค่อยๆ ลดปริมาณน้ำตาลในอาหาร ไม่ควรหักดิบ เพราะอาจทำให้หน้ามืด เวียนศีรษะ หรือคลื่นไส้– ใช้เวลา 1-2 เดือน ให้ร่างกายปรับตัว…………………………………………………………………….. 2. ดื่มน้ำเปล่าแทนน้ำหวาน– ดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อป้องกันความรู้สึกหิวและความอยากของหวาน…………………………………………………………………….. 3. เพิ่มการทานผักใบเขียว – ทานผักหลากหลาย เช่น
เช็คว่าคุณติดหวานหรือไม่ใน 6 ข้อหากมีอาการเกิน 4 ข้อขึ้นไป แสดงว่ากำลังติดหวาน: อารมณ์ไม่ดีหรืออ่อนเพลียเมื่อไม่ได้ทานของหวาน รู้สึกอยากทานของหวานอยู่เสมอ หิวบ่อย ชอบทานจุบจิบระหว่างวัน แม้จะเพิ่งอิ่ม ชอบทานผลไม้รสหวาน เช่น ผลไม้อบแห้ง ดอง หรือแช่อิ่ม เติมน้ำตาลในทุกเมนู เช่น ก๋วยเตี๋ยว ข้าวต้ม
การทานเวย์โปรตีนในผู้ป่วยโรคไต เวย์โปรตีนคืออะไร? เป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่สกัดจากน้ำนม มีคุณค่าทางโปรตีนคล้ายกับโปรตีนจากไข่ขาว ใช้เสริมโปรตีนในกรณีที่ไม่ได้รับโปรตีนเพียงพอจากแหล่งอาหารอื่น เช่น เนื้อสัตว์ ถั่ว หรือธัญพืช กรณีที่ควรพิจารณาทานเวย์โปรตีน เมื่อไม่สามารถทานโปรตีนจากอาหารปกติและเสี่ยงต่อการขาดโปรตีน ควรปรึกษาแพทย์หรือนักกำหนดอาหารเพื่อกำหนดปริมาณที่เหมาะสม กรณีที่ไม่แนะนำให้ทานเวย์โปรตีน หากสามารถทานโปรตีนจากอาหารปกติได้เพียงพออยู่แล้ว การทานเวย์โปรตีนเสริมโดยไม่จำเป็น อาจทำให้ได้รับโปรตีนเกินความต้องการ ผลกระทบจากการบริโภคโปรตีนเกิน ไตต้องทำงานหนักขึ้นในการกำจัดของเสียที่เกิดจากโปรตีนส่วนเกิน อาจเร่งให้ไตเสื่อมเร็วขึ้น โดยเฉพาะในผู้ที่มีปัญหาไตอยู่แล้ว
การเจาะชิ้นเนื้อไตในผู้ป่วยเบาหวานที่ไตเสื่อม จุดประสงค์ของการเจาะไต เพื่อหาสาเหตุของไตเสื่อมที่อาจมีแนวทางรักษาเพิ่มเติม ใช้ในกรณีที่การเจาะจะให้ประโยชน์มากกว่าความเสี่ยง กรณีที่ไม่แนะนำให้เจาะไต ผู้ป่วยเบาหวานที่ไตเสื่อมจากเบาหวานอย่างชัดเจน ไม่มีข้อสงสัยถึงสาเหตุอื่นที่อาจร่วมทำให้ไตเสื่อม กรณีที่อาจต้องพิจารณาเจาะไต ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดี แต่ไตเสื่อมเร็วผิดปกติ ค่าไตลดลงไม่สัมพันธ์กับการเป็นเบาหวาน ข้อควรคำนึงเกี่ยวกับการเจาะไต มีความเสี่ยงต่อร่างกาย เช่น อาการเจ็บและผลข้างเคียงจากการเจาะ ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบว่าการเจาะไตจะให้ข้อมูลสำคัญเพิ่มเติมที่เป็นประโยชน์ต่อการรักษาหรือไม่ หากผู้ป่วยเบาหวานมีไตเสื่อมจากเบาหวานโดยไม่มีข้อสงสัยถึงสาเหตุอื่น คุณหมอมักไม่แนะนำให้เจาะชิ้นเนื้อไต เพราะอาจไม่จำเป็นและไม่มีผลต่อแนวทางการรักษาเพิ่มเติม. https://youtu.be/JZXtvUlvr7k
3 อาหารไม่เค็ม แต่โซเดียมสูง ไส้กรอก ไม่เค็มจัด แต่มีโซเดียมสูงมาก เนื่องจากการแปรรูปใช้น้ำเกลือเพื่อถนอมอาหาร ไส้กรอก 1 ชิ้น มีโซเดียมประมาณ 400 มิลลิกรัม แนะนำ: จำกัดการบริโภค และเสริมอาหารที่สดใหม่แทน ขนมปัง มีโซเดียมจากเกลือและผงฟู (โซเดียมไบคาร์บอเนต) ขนมปัง
3 อาหารเช้าเสี่ยงเส้นเลือดอุดตัน ไข่เจียว ให้พลังงานสูง (250 กิโลแคลอรี่) มากกว่าไข่ต้มถึง 3 เท่า หากทานบ่อยโดยไม่ออกกำลังกาย อาจทำให้เกิดไตรกลีเซอไรด์และไขมันสะสม แนะนำ: ทานไข่เจียวอาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง และเพิ่มการทานไข่ต้มแทน หมูทอด มีไขมันอิ่มตัวสูง เพิ่มไขมันเลว (LDL)
กะหล่ำปลี ช่วยกระตุ้นเอนไซม์ในตับอ่อน ล้างสารพิษออกจากตับ บรอกโคลี มีเอนไซม์ช่วยกำจัดสารพิษ ลดการทำลายเซลล์ตับ ช่วยระบบขับถ่ายด้วยกากใย อะโวคาโด มีกลูต้าไธโอนช่วยล้างสารพิษ ลดโอกาสสะสมโลหะหนักในตับ ลิ้นจี่ อุดมด้วยวิตามินและกรดซิตริก ตามศาสตร์จีน มีฤทธิ์อุ่นช่วยบำรุงตับ บรรเทาอาการตับอักเสบ แอปเปิ้ล มีไฟเบอร์สูงช่วยดูดซับสารพิษ เพคตินช่วยจับโลหะหนักในลำไส้ ลดภาระการทำงานของตับ การบริโภคผักผลไม้เหล่านี้ช่วยเสริมสุขภาพตับและส่งผลให้สุขภาพโดยรวมดีขึ้น
โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (ALS – Amyotrophic Lateral Sclerosis) เป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของเซลล์ประสาทที่ควบคุมการเคลื่อนไหว ทำให้เกิดอาการอ่อนแรงทั่วร่างกาย เช่น พูดไม่ชัด กลืนลำบาก มือแขนไม่มีแรง ขาอ่อนแรง กล้ามเนื้อลีบ หรือเกร็ง และอาจควบคุมการหายใจลำบากจนส่งผลต่อชีวิตประจำวันอย่างรุนแรง การรักษาและดูแลตัวเอง: รักษาตามอาการ เช่น ทานยาตามคำสั่งแพทย์และทำกายภาพบำบัด
